งานลูกค้า B2B ก็สนุกไปอีกแบบค่ะ
โปรเจ็กต์นี้ เราทำงานให้กับธุรกิจครอบครัว ที่มีอายุ 68 ปี บริษัทนี้มีชื่อว่า ลายวิจิตร ค่ะ
ฟังชื่อน่าจะเดาออกว่าเป็นงานฝีมือแน่นอน ใช่แล้วค่ะ เป็นบริษัทไม้ เริ่มต้นจากที่อากงอยู่ในวงการค้าไม้มาก่อน และเห็นโอกาสใหม่ๆ จึงริเริ่มทำไม้ปาร์เกต์เป็นรายแรกของไทย
สำหรับใครที่ไม่รู้จักปาร์เกต์นะคะ มันคือการปูพื้นโดยใช้ไม้ชิ้นเล็ก (ขนาดตั้งแต่ท่อนแขนเด็กจนถึงแท่งช็อคโกแลต) นำมาเรียงต่อกัน เกิดเป็นแพทเทิร์นที่สวยงาม ซึ่งจะประหยัดงบกว่าการปูด้วยไม้แผ่นใหญ่
สมัยนั้นธุรกิจเฟื่องฟูมาก มีการขยายโรงงาน มีโรงเก็บไม้ขนาดมหึมา มีงานรอให้ช่างออกไปติดตั้งไม่ขาดสาย รับงานไม้ทุกรูปแบบ ทั้งปูพื้น ทำประตู ทำบันได แต่สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุด คืองานปาร์เกต์
จนหลายสิบปีผ่านไป ไม้เริ่มกลายเป็นวัสดุราคาแพง มีวัสดุทดแทนใหม่ๆ เข้ามาให้เลือกใช้ เช่น กระเบื้อง ที่ถูกกว่า ปูง่ายกว่า ไม่ต้องใช้ฝีมือช่างเท่ากับช่างไม้ ทำความสะอาดง่าย ทนน้ำท่วมอีกต่างหาก
ปริมาณการปูพื้นปาร์เกต์ก็เลยเริ่มลดลง จนถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของลายวิจิตร ที่ตอนนั้น gen 2 (รุ่นคุณพ่อ) และ gen 3 (ผู้บริหารรุ่นปัจจุบัน) มานั่งคุยกันว่าเราจะกำหนดอนาคตอะไรให้กับบริษัทบ้าง
ได้ข้อสรุปขณะนั้นว่า ฝั่งของการทำปาร์เกต์ก็ยังทำต่อไป เพราะตอนนั้นตลาดยังมีความต้องการ และเราก็มีช่างฝีมือที่อยู่กันมาตั้งแต่แรกเริ่มเยอะแยะ ส่วนธุรกิจใหม่ที่เริ่มเห็นอนาคตน่าสนใจ ก็คือ บันไดสำเร็จรูป
โมเดลของธุรกิจนี้นั้นเป็น B2B กลุ่มลูกค้าได้แก่ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Realestate Developer) ที่มีโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์สองชั้นขึ้นไป โดยทางลายวิจิตรจะเป็นซัพพลายเออร์ผู้ผลิตและติดตั้งบันไดในบ้านเหล่านั้นให้เรียบร้อย
หลายปีผ่านไป งานในส่วนนี้มีดีมานด์สูงขึ้น และลายวิจิตรก็ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นธุรกิจหลักในทุกวันนี้ ซึ่งเกิดจากฝีมือและความชำนาญ คุณภาพงาน ความเป๊ะ เก็บงานเนี้ยบ การตรงเวลา รวมถึงการบริการประสานงานที่ดี ที่ทำให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลใจ
……………………
งานนี้เราทำงานพื้นฐานเยอะมากค่ะ ประเด็นสำคัญอันแรกก็คือ บริษัทนี้มีหลายบริษัท แฮ๊ เนื่องจากในช่วง gen 2 มีการขยายธุรกิจ จนมีโรงงาน 2 แห่ง มีสำนักงาน 2 ที่ ใช้ชื่อต่างกัน และผลิตสินค้าต่างกัน แห่งแรกเน้นการทำบันไดสำเร็จรูป ชื่อ ลายวิจิตร แห่งที่สองเน้นพื้นปาร์เกต์และงานฝีมือ ชื่อ วิจิตรปาเก้ ซึ่งตอนนั้นแยกกันทำก็ว่าดีอยู่นะ
แต่ปัจจุบัน สินค้าที่ทั้ง 2 บริษัทผลิตมีความใกล้เคียงกัน ซึ่งก็คือบันไดสำเร็จรูป ลูกค้าก็ทับซ้อนกันอยู่ บางครั้งก็ต่างคนต่างเสนองานไปที่ลูกค้าเจ้าเดียวกัน ลูกค้าก็จำชื่อบริษัทไม่ได้ ชื่ออะไรนะไม่ค่อยแน่ใจ รู้แต่ว่าอะไรวิจิตรๆ นี่แหละ บางทีก็เรียกเป็นชื่อเจ้าของแทน บันไดคุณพีระศิลป์ บันไดคุณธนพล แล้วแถมหลายปีที่ผ่านมา ลายวิจิตรใช้ชื่อแบรนด์ว่า Woodline เข้าไปอีก เอาเป็นว่าสร้างความสับสนมานาน และแทบไม่มีใครจำชื่ออะไรได้เลย ตอนนั้นก็มีคำถามว่า จะรวมเป็นแบรนด์เดียวกัน หรือแยกเป็น 2 แบรนด์ดี
ลายวิจิตรนั้นเน้นระบบ ฟังก์ชั่น มีความเชื่อว่ามาตรฐานที่ดีมาจากระบบที่ชัดเจน และการทำงานอย่างรวดเร็ว เรียกว่าเป็นฝั่งลอจิก
ส่วนวิจิตรปาเก้นั้นเน้นความคราฟต์ ออกจะศิลปินหน่อย เน้นใจ ออกนอกระบบได้ถ้าทำให้การบริการดีขึ้น เรียกว่าเป็นฝั่งครีเอทีฟ อาร์ทิส
ซึ่งเราเพิ่งมารู้ทีหลังค่ะ ว่าไม่มีใครอยากรวมกันหรอก 555 เพราะต่างฝ่ายต่างเห็นว่า ที่เราทำอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว อยากจะแยกเป็น 2 แบรนด์มากกว่า (ต้องบอกว่าพี่น้องในตระกูลนี้อยู่ด้วยกันแบบดีมากๆ นะคะ ถึงแม้จะแยกบริษัทก็ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง แต่ช่วยเหลือกันดี เวลาประชุมรวมก็คุยกันอย่างสุภาพมากๆ และรักใคร่กลมเกลียวกันทั้งตระกูลค่ะ เพียงแต่วัฒนธรรมองค์กรนั้นตรงกันข้ามกันเลย)
หลังจากทำ Interview / Family Workshop / Innovation Workshop และคุยกันภายในอยู่หลายครั้ง จนต่างฝ่ายเห็นมุมมองอีกด้าน เห็นข้อดีของอีกฝ่าย และเห็นความเป็นไปได้และประโยชน์ของการรวมกัน เราก็ได้ข้อสรุปว่าทั้งหมดจะรวมเป็นแบรนด์เดียว ภายใต้ชื่อ ลายวิจิตร ตามที่อากงตั้งไว้ตั้งแต่แรก
สิ่งที่เราทำควบคู่กับการหาข้อสรุปว่าจะรวมหรือจะแยก ก็คือ ชัดเจนกับทั้ง 2 บริษัท ว่ามีความเหมือนหรือต่างอย่างไร มีจุดแข็งและจุดอ่อนตรงไหน และมีนวัตกรรมอะไรบ้างที่เราจะสามารถสร้างได้จากทรัพยากรที่มี และศึกษากลุ่มลูกค้า จนสามารถแบ่ง segmentation ออกมาได้เป็น 5 กลุ่ม ซึ่งทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าแต่ละกลุ่มมี mindset อย่างไร เขามองหาอะไรเป็นอันดับหนึ่ง และเราจะ serve เขาได้อย่างไรบ้าง
จนได้ออกมาเป็น Brand Being ของลายวิจิตร “Leading Stairs to People’s Success” ผู้นำด้านบันได (และขั้นบันได) ที่นำผู้คนสู่ความสำเร็จ (โดยคำว่า ผู้คน หมายถึงทั้งลูกค้า developer ของเรา และ end consumers คือเจ้าของบ้านด้วย ที่สำเร็จทั้งเรื่องธุรกิจและความสุขในครอบครัวตามลำดับ)
ซึ่งเป็นจุดร่วมจิตวิญญาณของทั้ง 2 บริษัท ที่นำข้อเด่นของทั้งคู่มาผสมกันจนลงตัว ฮาร์โมไนซ์การทำงานจนเป็นหนึ่งเดียวกัน
……………………
ตัวตนของลายวิจิตร ถ้าป็นคนคนหนึ่ง จะมีส่วนผสมของความเป็น Trustworthy Stairs Professional (สมองซีกซ้าย) และ Determined Solution Giver (สมองซีกขวา) ส่วน Mood&Tone ของแบรนด์ประกอบด้วยส่วนผสมของการเป็นเหล่านี้
Professional
Trustworthy
Thoughtful
Up-to-date
Approachable
Determined
ส่วนการเลือกใช้สีที่เป็น identity เราใช้สีหลักเป็นสีน้ำเงิน สื่อถึงความเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ และสีน้ำตาลไม้สักเป็นสีรอง เพื่อยังคงบรรยากาศของงานไม้ ซึ่ง combination นี้ ทำให้ลายวิจิตรแตกต่างจากบริษัทอื่นในตลาด ที่จะใช้สีน้ำตาลของไม้ หรือสีเขียวใบไม้เป็นหลัก
……………………
แม้ความเป็นบริษัทเก่าแก่ที่อยู่มาอย่างยาวนานจะเป็นความภูมิใจของทุกคน แต่ในบริษัทเห็นพ้องต้องกันว่าอยากให้สิ่งนี้เป็นเบื้องหลัง ส่วนเบื้องหน้าเน้นไปที่ความเป็นมืออาชีพ ณ ปัจจุบันเป็นหลัก (ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ Design Direction ด้วย)
อย่างไรก็ตาม เราลองดีไซน์ออกมาในดีกรีความคลาสสิกที่แตกต่างกันเล็กน้อย พบว่าโลโก้ที่มีความโมเดิร์น ให้ความรู้สึกมีมาตรฐานนั้น เหมาะสมกับทิศทางของบริษัทที่มีประวัติศาสตร์ และกำลังมุ่งไปข้างหน้าด้วยมาตรฐานที่ทันสมัย เช่นลายวิจิตรมากกว่า
โลโก้ออกแบบจากสินค้าหลัก ก็คือขั้นบันไดไม้ ประกอบด้วย ลูกนอน (พื้นบันไดแนวนอน) และลูกตั้ง (แผ่นไม้แนวตั้ง) แสดงถึงการก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จ และมีนัยของการรวมกันของ 2 บริษัทเป็นการภายในอีกด้วย ส่วนการเข้ากริด (grid) ที่มีระบบให้ความรู้สึกของความมีมาตรฐานอย่างมืออาชีพ
……………………
มีชิ้นงานอีกหลายชิ้นที่เราได้ออกแบบเพื่อการนำไปใช้ในการทำการตลาด เช่น Stationery / Uniform / Mannual / Sample Kit / Van Wrapping / Website และเริ่มต้นทำ B2B Inbound Marketing ด้วย
……………………
ผลลัพธ์เริ่มต้นที่เราภูมิใจมากที่สุด คือการที่ 2 บริษัทมารวมกันได้ ด้วยบริบทของการเห็นความยอดเยี่ยมของกันและกัน เราได้เห็นการจับมือพากันไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแล้วรู้สึกฟินมากๆ จากตอนแรกที่ทุกคนนั่งคุยกันว่ากลุ่มบริษัทนี้จะมีกี่แบรนด์ดี จนถึงตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า มีแบรนด์เดียว และหนักแน่นมากๆ
ความเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นส่งต่อจากผู้บริหาร ขยายไปถึงพนักงานและคนงานทั้ง 400 คน ที่ได้ร่วมใน Brand Training และรับเอาแบรนด์ลายวิจิตรเขามาอยู่ในชีวิตของพวกเขา เรามี Brand Internal Launching Day ที่สนุกสนาน ในงานเราแจกเสื้อบริษัทใหม่ให้ทุกคนเปลี่ยนเลย จากตอนแรกที่ 2 บริษัทเดินเข้ามาใส่เสื้อ 2 สี ก็กลายเป็นสีเดียวกันทั้งหมด เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นที่น่ารักมากๆ ค่ะ
ตอนนี้ Corporate Identity ทั้งหมด เริ่มถูกนำไปใช้ เพื่อสร้างการจดจำและความเชื่อมั่นให้กับองค์กร อีกทั้งสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคนในองค์กรด้วย
เรายินดีและดีใจมากที่มีโอกาสได้ทำงานที่พิเศษมากๆ นี้ ขอบคุณครอบครัวลายวิจิตรทุกท่านที่อนุญาตให้เราเข้าไปในบ้านที่อบอุ่น มีโอกาสได้พูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมา ได้เห็นพันธสัญญาของลูกหลานที่ร่วมกันสืบต่อความตั้งใจของบรรพบุรุษ และได้อยู่ในบรรยากาศการทำงานที่ให้เกียรติกันของครอบครัว
ขอบคุณลายวิจิตรที่ไว้วางใจพวกเรา และเชื่อมั่นว่าแบรนด์ดิ้งสำคัญสำหรับธุรกิจค่ะ
………………..
Project: ลายวิจิตร
Client: บริษัท ลายวิจิตร จำกัด
Branding / Brand Design Direction / Logo Design / Corporate Identity Design by Yindee Design
Brand Internalization Workshop by http://miraclelifecoach.co.th
Innovation Workshop by BOLD GROUP Thailand
Launched: 2019