บรรยายให้ผู้ประกอบการในโครงการของ Food Innopolis
วันนี้ไปบรรยายให้ผู้ประกอบการในโครงการของ Food Innopolis ที่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์กับนักวิจัย ผู้ประกอบการมีทั้งที่ทำมานานแล้ว (มาเพิ่ม SKU) และที่เพิ่งเริ่มต้นทำสินค้าใหม่
วันนี้ไปบรรยายให้ผู้ประกอบการในโครงการของ Food Innopolis ที่มาพัฒนาผลิตภัณฑ์กับนักวิจัย ผู้ประกอบการมีทั้งที่ทำมานานแล้ว (มาเพิ่ม SKU) และที่เพิ่งเริ่มต้นทำสินค้าใหม่
วันนี้สนุกมาก ฝนไปให้คำปรึกษาที่งาน ProPak Asia ในบูธของสมาคมออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทย (ThaiPDA) ค่ะ ข่าวว่ามีผู้ประกอบการสมัครมาเยอะมาก แต่รับได้แค่ 12 รายเงง (รายละ 30 นาทีแบบกระชับสุดๆ ฮ่า)
วันนี้ฝนอยู่ที่ ThaiFex ทั้งวัน ในบูธ Design Service Society ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศค่ะ ให้คำปรึกษากับผู้ประกอบการ 8 ราย
เมื่อเดือนที่แล้ว เราได้ทำงาน launch โปรเจ็กต์นึงไป ข่าวว่าผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมาก ลูกค้าบอกว่าคนชอบดีไซน์เยอะเลย ดีใจมาก
โปรเจ็กต์นี้ เราทำงานให้กับธุรกิจครอบครัว ที่มีอายุ 68 ปี บริษัทนี้มีชื่อว่า ลายวิจิตร ค่ะ
ไม่นานมานี้ เราได้ทำงานให้กับแบรนด์ “ข้าววรรณภพ” ข้าวผสมวิตามินรายเดียวในไทย ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับ UN ห๊าาา ข้าวนี่ไปเกี่ยวอะไรกับ UN เหรอคะ เรื่องของเรื่องเป็นแบบนี้ค่ะ ข้าวผสมวิตามินนั้นมีมานานแล้ว วรรณภพก็ทำมา 20 กว่าปีแล้ว เนื่องจากด้วยกระบวนการสี วิตามินในข้าวจะหายไป การเติมวิตามินนั้นทำไปเพื่อให้มั่นใจว่าข้าวนี้มีวิตามินในระดับมาตรฐาน ได้สารอาหารเต็มที่ จริงๆ แล้วถ้าเราทานข้าวกล้อง เราจะไม่ต้องเติมวิตามินเลยค่ะ เพราะข้าวกล้องไม่ได้ถูกขัดสีออกไป (ทานข้าวกล้องกันน้าาา วรรณภพก็มีข้าวกล้องค่ะ) แต่ด้วยความที่คนส่วนใหญ่เคยชิน ข้าวขาวก็เลยเป็นที่นิยมมากกว่า ข้าวผสมวิตามินเลยมาเป็นทางเลือกที่เพิ่มคุณค่าให้มากขึ้น ช่วยเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกายในยุคที่เราต้องแข็งแรงสู้โรคกันค่าาา วรรณภพใช้เทคโนโลยีเฉพาะ ที่เป็นนวัตกรรม ทำให้ข้าวยังคงเป็นสีขาว แต่วิตามินนั้นจัดเต็ม เมล็ดก็เต็ม และก็ต้องขอย้ำว่าสะอาดแล้ว ไม่ต้องซาวน้ำนะคะ เพราะขัดทำความสะอาดมาแล้วด้วยน้ำ RO เราจะได้รับวิตามินจะเต็มๆ เลยค่ะ (เขาใช้ระบบ Super Clean ค่ะ ในโรงงานคือเป๊ะเว่อร์ๆ กระบวนการผลิตไม่ได้ใช้คนเลย มั่นใจได้ว่าข้าวทุกเมล็ดผ่านการตรวจสอบ ย้ำทุกเมล็ดจริงๆ ค่ะ) ส่วนวิตามินที่เติมเข้าไปก็มี B1,B2, B3 และธาตุเหล็ก ส่วนมาตรฐานก็ไม่ต้องพูดถึงค่ะ คือระดับโลก […]
เมื่อเร็วๆ นี้ เราได้ทำงานรีแบรนด์ให้กับไอศกรีมไทยอายุ 50 ปี ร้านนั้นมีชื่อว่า ทิพย์รสค่ะ (ไม่ใช่น้ำปลานะ แฮ้) วัยรุ่นยุคนี้คงไม่รู้จัก แต่ถ้าเป็นวัยรุ่นกรุงเทพยุค 70’s รับรองว่าต้องเคยได้มาเฟี้ยวกันบ้างแหละ ร้านนี้อยู่ที่เตาปูน เริ่มต้นในปี 2513 เป็นร้านไอศกรีมร้านแรกๆ ของเมืองไทยเลย คนมารอต่อคิวกันล้นหลาม โด่งดังมาเรื่อยๆ จนแผ่วลงเมื่อบ้านเรามีของหวานทางเลือกอื่นมากขึ้น อีกทั้งหลายปีก่อนย้ายเข้ามาในอยู่ซอย คนเลยนึกว่าร้านไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีลูกค้าประจำเยอะมากที่ยังมากินที่ร้านและซื้อกลับบ้านอย่างสม่ำเสมอ ลูกค้าประจำของที่นี่ คือคนที่รักและผูกพันกับรสชาติ เพราะรสชาติแบบนี้หากินไม่ได้ที่ไหน ไอศกรีมทิพย์รสทำจากกะทิทับสะแกแท้ๆ ไม่เติมครีม หรือสารทำให้คงตัว ใช้ส่วนผสมธรรมชาติล้วนๆ มันเลยเข้มข้น หอมมัน มีกลิ่น รสชาติ และ after taste เฉพาะตัว แถมยังมีเมนูเก๋ๆ มาตั้งแต่สมัยนู้น เช่น ไอศกรีมป๊อกกี้ ไอศกรีมไข่แข็ง (ต้นตำรับการราดซุปข้าวโพด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอาเหล่ากู๋คนเริ่มคิดยังไง แต่มันเข้ากั๊นเข้ากัน) จนเมื่อปีที่แล้ว ทายาทของครอบครัว กับเพื่อนๆ รวม 7 คน ขอดำเนินกิจการของร้านไอศกรีมทิพย์รสต่อ และเมื่อเริ่มลงมือบริหารแบบใหม่ […]
เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราได้เจอกับลูกค้ารายนึง ชื่อคุณปอน สินค้าที่คุณปอนทำคือปุ๋ยอินทรีย์ (ว้าว เรายังไม่เคยทำแบรนด์ปุ๋ยมาก่อนเลย ตื่นเต้นแฮะ) คุณปอนตั้งชื่อไว้อย่างดีมากว่า ปุ๋ยคืนดี และนี่คือเรื่องราวที่อยากเล่า เพราะประทับใจมากค่ะ เล่าที่มาที่ไปนิด แต่เดิมครอบครัวคุณปอนทำร้านขายวัสดุก่อสร้าง ต่อมาคุณพ่อสนใจเลยไปอบรมการทำปุ๋ยอินทรีย์ และทดลองทำเล็กๆ ไว้หลังร้าน จนกระทั่งสุกงอมเปิดโรงงานปุ๋ยอินทรีย์ขึ้นมา แต่… วันเปิดโรงงานเป็นวันที่คุณพ่อล้มป่วยพอดี คุณปอนจึงต้องมาดูแลแทนตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย สิ่งที่เขาทำคือ เรียนรู้ตลอดเวลา เข้าไปในเนท ถามผู้รู้ อ่านหนังสือการเกษตร เข้าอบรม มากมายก่ายกอง เพราะยังไงโรงงานนี้ก็ตั้งขึ้นมาแล้ว ก็ต้องไปให้สุด สร้างสินค้าที่ดีที่สุด ด้วยคำถามที่เขาถามตัวเองอยู่ตลอดว่า จากปุ๋ยที่มีมากมายมหาศาลในประเทศนี้ ทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อปุ๋ยของเรา หาคำตอบให้ตัวเองไปมา จนวันนึงได้มาเจอกับวิธีการทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกอง วิศวกรรม แม่โจ้ 1 ซึ่งคนในวงการจะรู้ว่า เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติด้วย โดยผศ.ธีรพงศ์ สว่างปัญญากูล (อาจารย์ลุง) ทำไมถึงเป็นนวัตกรรมเหรอ อ๋อ เพราะว่ามันทำง่าย / ใช้เศษวัสดุอะไรก็ได้ / ช่วยประหยัดพลังงานในการพลิกกองปุ๋ย (ไม่ต้องมาคอยพลิกกองเพื่อเติมอากาศ) / […]
ปีที่แล้ว เราได้ทำงานให้กับแบรนด์เวชสำอางแบรนด์นึงค่ะ เป็นงานที่สนุกมาก เพราะเราได้เข้าไปสู่โลกของผิว ผื่นแพ้ จุลินทรีย์ และชีวโมเลกุล ที่มีชื่อว่า Extremolytes ค่ะ เจ้าโมเลกุลนี้มันน่าสนใจยังไงเหรอ อ๋อ น้องเป็นโมเลกุลที่เพิ่งถูกค้นพบค่ะ เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วนี้เอง แต่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้เลยทีเดียว เพราะการค้นพบครั้งนี้เป็นประโยชน์กับเรื่องผิวสุดๆ ทำให้ผื่นแพ้แบบไม่รู้สาเหตุ สามารถหายได้โดยไม่ต้องใช้สเตียรอยด์ ใช้ต่อเนื่องก็ไม่เป็นไร และทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงขึ้น นับว่าเป็นข่าวดีของคนจำนวนมากเลยค่ะ ขอเล่ารายละเอียดของ Extremolytes หน่อยดีกว่า สิบกว่าปีที่แล้ว มีนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันทีมหนึ่ง กำลังทำงานวิจัยอยู่ในประเทศอียิปต์ ได้ศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดไมโครชนิดหนึ่ง ที่เอ๊ะ ทำไมน้องไม่ตายซักที น้องอยู่ได้สบายมากในทุกสภาวะ สิ่งมีชีวิตนี้เรียกว่า Extremophilic microorganism เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่เก่าแก่และเล็กที่สุดเท่าที่เคยค้นพบ พวกน้องทนทาน และปรับตัวเก่งมาก ไม่ว่าตรงนั้นจะแห้งแล้ง ชื้น ร้อน หรือหนาวสุดขั้วขนาดไหน ก็อยู่รอดได้ จนในที่สุด ปี 1985 พวกเขาค้นพบโมเลกุลในสิ่งมีชีวิตนั้นอีกที โมเลกุลนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พวกมันรอดเก่ง โมเลกุลนั้นเรียกว่า Extremolytes และจึงกลายมาเป็นสารสกัด Extremolytes ที่สามารถบำรุง ซ่อมแซม […]
เราเพิ่งมีงาน launch กับแบรนด์ที่ยอดเยี่ยมแบรนด์หนึ่งของประเทศไปค่ะ คือดอยคำนั่นเอง ตอนที่ได้รับการติดต่อมา เรารู้สึกตื่นเต้นและเป็นเกียรติมาก ที่จะได้ทำงานให้กับโครงการในพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ดีใจที่จะได้มีส่วนสนับสนุนคุณภาพชีวิตของครอบครัวเกษตรกรไทยค่ะ ดอยคำมีสินค้าใหม่ๆ ที่จะออกตลาดอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือ น้ำผลไม้รวมสกัดเย็น ขอเกริ่นนิดนึงก่อน การสกัดเย็นนี่ต่างจากการคั้นแยกกากนะคะ แม้จะได้น้ำออกมาหน้าตาคล้ายๆ กัน การสกัดเย็น คือการคั้นบีบ โดยไม่ผ่านความร้อน ทำให้รสชาติและสารอาหาร วิตามินแร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ยังอยู่ครบเหมือนกินผลไม้สด ในขณะที่การคั้นแยกกาก ผลไม้จะต้องผ่านความร้อนจากเครื่องคั้น ทำให้สูญเสียสารอาหารบางส่วนที่ไม่สามารถทนความร้อนได้ คุณค่าสารอาหารจึงต่างกัน ส่วนการสกัดเย็นของดอยคำนั้นล้ำไปอีก เป็นกระบวนการที่เรียกว่า HPP (High Pressure Processing) ซึ่งจะทำการฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค โดยใช้แรงดันมหาศาล มหาศาลเทียบเท่าการบีบอัดเวลาลงไปใต้ทะเลลึกถึง 65 กิโลเมตรเลยทีเดียวค่ะ (แว๊กกก หรือทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า แรงดัน 600 เมกะปาสคาล) ซึ่งต้องใช้เครื่องจักรพิเศษ จึงสามารถฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และรักษาคุณค่าให้อยู่ครบ เก็บได้นาน 30 วันได้ค่ะ (โดยการแช่เย็นนะคะ) ที่สำคัญคือ น้ำผลไม้ชุดนี้ ไม่เติมน้ำตาลสักแอะเลยค่ะ ความหวานมาจากผลไม้ล้วนๆ […]